เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนสั่งลวดสลิงประเภทของลวดสลิง
คุณอาจเคยเห็นลวดสลิงเกลียวหยาบ เกลียวละเอียด โครงสร้าง 19×7 หรือ 6×36 หรือเกลียวซ้ายและเกลียวขวา ทั้งหมดนี้หมายความว่าอย่างไร
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าสเปคมาตรฐานของลวดสลิงเป็นอย่างไร ตั้งแต่ แกนลวดสลิง โครงสร้าง การเรียงตัวของเกลียว และลวดสลิงแบบไหนที่เหมาะกับงานของคุณ
ลวดสลิงคืออะไร
ลวดสลิงนั้นประกอบด้วยการมัดของเส้นลวดโลหะที่บิดเป็นเกลียวล้อมรอบแกน หรือถ้าจะอธิบายให้เข้าง่ายๆ คือการเอาลวดเหล็กหลายเส้นมาบิดเกลียวร่วมกันเป็นเส้นเดียว เพื่อเพิ่มทั้งความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น
แกนของลวดสลิง
แกนของลวดสลิงแบ่งได้เป็น 2 อย่างหลักคือ แกนเหล็ก และ แกนเชือก หรือไส้เหล็ก และ ไส้เชือก
Fiber Core (FC)
ลวดสลิงไส้เชือกนั้นให้ความยืดหยุ่นมากกว่าสลิงไส้เหล็ก แต่เสี่ยงต่อการเสียหายจาก แรงกดทับและความร้อนสูง ลวดสลิงไส้เชือกเหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้ความยืดหยุ่นสูง เช่นการประมง
Independent Wire Rope Core (IWRC) / Wire Stand Core (WSC)
ลวดสลิงไส้เหล็กนั้นมีความแข็งแรงมากกว่าไส้เชือก เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้แรงยกมากกว่า และไม่ต้องการความยืดหยุ่น เช่นงานเครนยกแนวตั้ง งานขึง และ อื่นๆ
โครงสร้างลวดสลิง อะไรคือ เกลียวหยาบ เกลียวละเอียด
โครงสร้างของลวดสลิงนั้นถูกออกแบบมาอย่างหลากหลายเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน ลวดสลิงที่เราเห็นตามท้องตลาดมักแบ่งเป็นเกลียวหยาบและเกลียวละเอียด
เกลียวหยาบ ตัวอย่างโครงสร้างที่เราเคยได้ยินคือลวดสลิงโครงสร้าง 6×36
เลข 6 ตัวแรกหมายจำนวณเกลียวที่มีอยู่(สังเกตุได้จากวงกลมสีแดง)
ส่วนเลข 36 ระบุถึงจำนวณลวดต่อหนึ่งเกลียว
เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป
เกลียวละเอียด (Non-Rotate) นั้นถูกออกแบบมาเพื่อลดการบิดและการหมุนของลวดสลิง
โครงสร้างตัวอย่างเช่น 19×7 หรือ 35×7
จากภาพเราจะเห็นได้ว่า 19 นั้นคือเกลียวและ 7 นั้นคือจำนวณลวดต่อหนึ่งเกลียว
การเรียงตัวของเกลียวละเอียดนั้นทำให้เกลียวด้านนอกและด้านในหมุนไปคนละทิศเพื่อลดแรงหมุน
เหมาะสำหรับการใช้งานเครนและปั้นจั่นสูงซึ่งแรงหมุนเป็นปัจจัยสำคัญ
รูปด้านบนแสดงทิศทางการหมุนของลวดสลิง
1 Layer คือสลิงหนึ่งชั้น เช่นโครงสร้าง 6×36 สำหรับใช้งานยกทั่วไป
2 Layer คือสลิงกันหมุนระดับนึง เช่นโครงสร้าง 19×7 ซึ่งเกลียวชั้นนอกกับชั้นในหมุนไปคนละทิศทำให้ลดการ
3 Layer ลวดสลิงกันหมุน 3 ชั้น เช่นโครงสร้าง 35×7 การออกแบบที่ลดแรงหมุนมากกว่าเดิมเป็นที่นิยมสำหรับเทาว์เวอร์เครน เครนที่ต้องทำงานในที่สูงและเกิดความเสี่ยงจากการหมุนมากกว่ากรณีอื่น
ขนาด ลวดสลิงรับน้ำหนัก ได้เท่าไหร่ ค่าความปลอดภัย
การเลือกขนาดของลวดสลิงนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
การเลือกน้ำหนักที่เราต้องการยกนั้นเป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถเลือกขนาดของลวดสลิงได้
เช่นหากเราอยากยกสินของที่มีน้ำหนัก 3 ตัน เราสามารถดูจากสเปค 6×36 หรืออิงจากตะรางด้านล่างเราจะเห็นได้ว่าตะรางส่วนมากนั้นแสดงเป็นค่า Minimum Breaking Load (MBL) หรือ แรงขั้นต่ำที่ทำให้ลวดสลิงขาด
จะเห็นได้ว่าลวดสลิงขนาด 14 มม.นั้นรับแรงก่อนที่จะขาดได้ 15 ตัน แต่ตามมาตรฐานประเทศไทยนั้น Safety Factor หรือค่าความปลอดภัยที่ใช้อยู่ที่ 5 เท่า นั้นหมายถึงเราต้องเอาแรงดึงขาด MBL มาหารด้วยค่า Safety Factor เพราะฉะนั้นสลิง 14 มม.นั้นสามารถยกน้ำหนักได้เพียง 3 ตันเท่านั้น
ค่า Safety Factor นี้ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ลวดสลิง สำหรับเครื่องจักรเคลื่อนไหวค่า Safety Factor จะเป็น 6 เท่า
บางคนอาจสงสัยว่า ทำไมรถเฮี๊ยบที่ยกได้ 3 ตัน นั้นใช้สลิงแค่ 8 มม.เท่านั้น เพราะว่ารถบางสเปคถูกออกแบบมาให้ใช้สลิง 2 เส้นหรือบางทีถึง 4 เส้นด้วยกัน การออกแบบรถช่วยรับแรงทำให้น้ำหนักไม่ได้ตกอยู่ที่ลวดสลิงเท่านั้น เพราะฉะนั้นการเลือกลวดสลิงสำหรับรถเฮี๊ยบหรือเครนนั้นต้องอ้างอิงจากหนักสือคู่มือสำหรับการเลือกสเปคและขนาดที่เหมาะสม
เกลียวซ้ายหรือเกลียวขวา
นอกจากขนาดแล้วสิ่งที่เราต้องอ้างอิงในสเปคคู่มือคือเกลียวของลวดสลิง เพราะว่าเครื่องจักร รถเครน รถเฮี๊ยบที่ถูกออกแบบมาใช้กับลวดสลิงเกลียวขวานั้นไม่สามารถใช้คู่กับสลิงเกลียวซ้ายได้ เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องรู้ว่าสเปคที่เราต้องใช้เป็นเกลียวซ้ายหรือขวา หรือสามารถส่งสมุดคู่มือให้ทางช่างฝั่งเทคนิคเพื่อหาสเปคที่ตรงกับคู่มือ
เกลียวธรรมดาหรือเกลียวพิเศษ
นอกจากเกลียวซ้ายเกลียวขวาแล้วลวดสลิงยังสามารถแบ่งได้เป็นเกลียวธรรมดาหรือเกลียวพิเศษ
เกลียวของลวดลิงนั้นหมายถึงการเรียงตัวของลวดสลิงต่อแกนกลาง
เกลียวของลวดสลิงนั้นสามารถแบ่งได้ 3 อย่างหลักตามนี้
Regular Lay – เกลียวธรรมดา ทิศทางของเกลียวในแต่ละเส้นลวด
และทิศทางของการมัดเกลียวนั้นตรงกันข้าม ลวดวางตัวแนวที่ขวางกับทิศทางการตีเกลียว
แบ่งได้เป็นเกลียวซ้ายและเกลียวขวา
ลวดเกลียวธรรมดานั้นทนต่อแรงกดทับและการหมุนมากกว่าเกลียวพิเศษ
Lang Lay – เกลียวพิเศษ / เกลียวแลงส์ ทิศของลวดในเกลียว และทิศของเกลียวบิดไปในทางเดียวกัน
เช่นกันสามารถแบ่งได้เป็นเกลียวซ้ายเกลียวขวา
ลวดเกลียวพิเศษหรือแลงส์ นั้นสามารถทนต่อความล้า และเสียดสีได้ดีกว่าเกลียวธรรมดา เนื่องจากผิวสำผัสของลวดเหล็กแต่ละเส้นมีมากกว่า ทำให้ยืดหยุ่นได้ดีกว่า ทำให้อายุการใช้งานในพื้นในสภาวะที่มีแรงดัดโค้งดีกว่าเกลียวธรรมดา 15%-20%
Alternate Lay – เกลียวสลับ เป็นการผสมระหว่างเกลียวธรรมดาและเกลียวแลงส์ ใช้เฉพาะในกรณีพิเศษ
อธิบายไปเมื่อสักครู่ อาจจะยังไม่เห็นภาพ เราจะเอาภาพมาอธิบายดีกว่าค่ะ
A: Right Hand Ordinary Lay (RHOL) เกลียวขวาธรรมดา สังเกตได้ว่าเกลียวขวานั้นวิ่งเฉียงขึ้นขวา สำหรับเกลียวธรมมดา จะเห็นได้ว่าลวดเส้นเล็กที่ประกอบเป็นเกลียววิ่งในแนวตรง
B: Left Hand Ordinary Lay (LHOL) เกลียวซ้ายธรรมดา สังเกตได้ว่าซ้ายคือเส้นลวดวิ่งทางซ้ายตามลูกศร ลวดก็ยังวิ่งเป็นแนวตรง
C: Right Hand Lang Lay (RHLL) เกลียวขวาพิเศษ ทิศทางของเกลียวบิดไปขวาเหมือนเกลียวธรรมดา ลวดเส้นเล็กในเกลียวพิเศษจะวิ่งเฉียงไม่ได้วิ่งแนวตรง
D: Left Hand Lang Lay (LHLL) เกลียวซ้ายพิเศษ เช่นกันเกลียวเรียงตัวไปทางซ้ายและลวดเรียงตัวทางซ้าย
E: Alternate Lay: เป็นเกลียวผสมทั้งเกลียวธรรมดาและเกลียวพิเศษ สเปคนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในไทย
Lubrication and Finish พื้นผิวและการหล่อลื่น พื้นผิวของลวดสลิงสามารถแบ่งได้เป็น ชุบหรือไม่ชุบกาวาไนท์
ชุบหรือไม่ชุบกาวาไนท์นั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานลวดสลิงที่ควรชุบกาวาไนท์จำพวกลวดที่ใช้สำหรับขึงเพื่อความสวยงามและงานประมง เนื่องจากลวดนั้นไม่จำเป็นต้องเคลื่อนที่ไม่ได้เปลียนบ่อยชุบกาวาไนท์นั้นจะช่วยยืดอายุของลวดสลิง
สำหรับสลิงเครนและการใช้งานทั่วๆไปแนะนำว่าเป็น ungalvanized หรือไม่ชุบกาวาไนท์เพราะว่าถ้าเป็นสลิงที่ใช้งานต่อเนื่องอายุของลวดสลิงจะหมดก่อนการเกิดสนิม เพราะว่าลวดสลิงที่ชุบกาวาไนท์นั้นจะมีราคาแพงว่า
ทำไมลวดสลิงต้องหล่อลื่น ใช้อะไรหล่อลื่น
– การหล่อลื่นนั้นช่วยลดการเสียดสีของลวดและช่วยยืดอายุการใช้งาน
– การหล่อลื่นลวดสลิงแบ่งเป็น 2 ประเภทคือการหล่อลื่นผิวนอกและแกนใน
– การหล่อแกนในนั้นจะใช้สารจำพวก petrolatum, asphaltic, grease, petroleum oil vegetable oil-based
– การหล่อผิวนอกนั้นส่วนมมากใช้ยางมะตอยและส่วนผสมอื่นๆ
– เพื่อลดการเสียดสีและยืดอายุการใช้งานต้องหล่อทั้งแกนในและผิวนอก เพราะการเสียหายของลวดสลิงส่วนมากนั้นเกิดขึ้นภายใน
มาตรฐานการหล่อลื่นลวดสลิง
การหล่อลื่นนั้นตามมาตรฐานจะแบ่งออกเป็น A0-A3 (อันนี้ไม่ใช่เกรดของเนื้อนะคะ)
A0: นั้นหมายถึงการหล่อลื่นเฉพาะแกนกลาง เหมาะสำหรับลวดสลิงชุบกาวาไนท์เพื่อความสวยงาม
A1-A3: จากจะเพิ่มความหนาของจาระบีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งสูงลวดสารจาระบีจะหนาขึ้นและจะเหนียวขึ้น (Tacky) ลวดสลิงที่มีความเหนียวมากๆ จะเหมาะกับอุสาหกรรม เช่น ประมง สำหรับเครน หรือการใช้งานทั่วไป A2 ถือว่าเป็นมาตรฐานของการหล่อลื่น ถ้าสั่งลวดแล้วไม่ได้สั่งระดับความหนา ส่วนมากที่จะได้คือระดับ A2 ซึ่งพอเพียงต่อการใช้งาน
การดูแลลวดสลิงสแตนเลส
– อย่าเคลือบลวดสลิงสแตนเลสด้วยขี้ผึ้ง สารที่มีความมัน และสารเคมีที่มีค่าเป็นเกรด เพราะสารเคมีเหล่านี้อาจจะทำให้ฝุ่นหรือรอยเปื้อนติดบนพื้นผิวของเส้นลวดสลิงได้ง่ายขึ้น เมื่อฝุ่นหรือรอยเปื้อนเกาะตัวกันเป็นเวลานานอาจจะทำความสะอาดได้ยาก
– อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของคลอไรด์ ( Chlorides) และ เฮไลด์ ( Helides) เช่น โบรไมน์ ( Bromine) ไอโอดีน (Iodine) และ ฟลูออรีน (Fluorine)
– ไม่ควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคในการความสะอาดลวดสลิงสแตนเลส
– ไม่ควรใช้กรดไฮโดรคลอริค (HCI) ในการทำความสะอาด เพราะจะทำให้สแตนเลสเกิดการกัดกร่อนแบบรูเข็ม และแบบเป็นรอยร้าวได้ (Pitting and Stress Corrosion Cracking)
– ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เราไม่ได้ศึกษาหาความรู้มา
– ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องอัญมณี เพชร เงิน
– ไม่ควรใช้ปริมาณผงซักฟอกหรือสบู่มากเกินไปในการทำความสะอาด เพราะอาจทิ้งคราบไว้บนพื้นผิวได้หากเราทำความสะอาดไม่เพียงพอ
– อย่าทำความสะอาดส่วนที่มีคราบฝังแน่นในขั้นตอนเดียว ควรทำความสะอาดเบื้องต้นก่อนขจัดคราบฝังแน่น
สรุปการเลือกลวดสลิง
เลือกแกนของลวดสลิง ไส้เหล็ก ไส้เชือก เลือกโครงสร้าง 6×36 หรือ เกลียวหยาบ เกลียวละเอียด เลือกขนาด 5 หุน 15 มม. หรือเลือกรับน้ำหนัก เลือกเกลียว เกลียวซ้ายเกลียวขวา ธรรมดาหรือพิเศษ เลือกพื้นผิวและการหล่อลื่น ชุบกาวาไนท์ A0 หรือเคลือบจาระบี A2
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่ามันจะช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อยในการเลือกลวดสลิงในครั้งต่อไป หรือถ้ายังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อมาได้ที่ ทีมงานและช่างเทคนิคที่สามารถตอบทุกปัญหาเกียวกับลวดสลิงของคุณค่ะ
______________________
ฝ่ายวิศวกรรมฯ ซ่อมบำรุงและติดตั้ง
O8.5558.7O7O